สาเหตุทำให้หน้ายางเสื่อมสภาพ ดอกยางรถเกิดการสึกหรอ
ความรู้เรื่องยาง | คุยกันเรื่องยาง
เมื่อยางรถยนต์ผ่านการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ก็เป็นเรื่องปกติที่หน้ายางเสื่อมสภาพและเกิดการสึกหรอ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อสมรรถนะของยางแต่ละเส้น ในขณะเดียวกันการสึกหรอของยางที่ไม่เรียบนั้นอาจเกิดขึ้นได้และเป็นสาเหตุการเกิดยางบวมซึ่งอาจจะทำให้ท่านต้องเปลี่ยนยางเร็วขึ้น
ดังนั้นการตรวจเช็คความลึกร่องดอกยางอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ท่านสามารถยืดอายุการใช้งานของยาง และ ทราบถึงความผิดปกติของยางเบื้องต้นได้ก่อน อย่างเช่นดอกยางหมดหรือเริ่มสึกหรอ ยางเริ่มเสื่อมสภาพจนสามารถสังเกตเห็นอาการผิดปกติได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยางที่เสื่อมสภาพได้อย่างทันท่วงที
การสึกหรอของหน้ายางมีผลอย่างไร
ยางรถยนต์เสื่อมสภาพจะมีความลึกร่องดอกยางเหลือน้อยอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนสภาพพื้นถนนเปียก เพราะเมื่อดอกยางหมดหรือเริ่มสึกหรอจะมีโอกาสที่ทำให้เกิดการเสียการควบคุมขณะขับขี่มากขึ้นในช่วงฝนตกถนนลื่น เมื่อใดก็ตามที่มีสิ่งกีดขวางระหว่างหน้าสัมผัสยางกับพื้นถนนหน้ายางจะต้องทำหน้าที่ในการรีดผ่านสิ่งกีดขวางนั้น เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งการยึดเกาะระหว่างหน้าสัมผัสยางกับพื้นถนน ยิ่งมีความลึกร่องดอกยางเหลืออยู่น้อยเท่าใดประสิทธิภาพในการยึดเกาะบนพื้นถนนก็น้อยลงเท่านั้น โดยสามารถสังเกตได้จากความลึกของร่องดอกยางและสะพานยาง ดังนั้นความลึกของร่องดอกยางจึงเป็นอีกสิ่งที่สำคัญ นอกจากนั้นการลดความเร็วขณะขับขี่ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการช่วยยึดเกาะพื้นถนนในสภาพถนนดังกล่าว
ความลึกร่องดอกยางต่ำสุดมีค่าเท่าไหร่?
ความลึกของร่องดอกยางไม่ควรจะต่ำกว่าบริเวณสะพานยาง (1.6 มิลลิเมตรโดยประมาณ) โดยวิธีวัดความลึกของร่องดอกยากและบริเวณสะพานยาง สามารถวัดได้โดยใช้เครื่องวัดความลึกของดอกยางหรือที่เรียกกันว่าเกจวัดความลึกร่องดอกยาง ซึ่งถ้าหากว่าความลึกของร่องดอกยางเหลือน้อยกว่านั้นก็ควรเปลี่ยนเป็นยางชุดใหม่
สาเหตุของการที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพสึกเร็ว หรือสึกหรอแบบผิดปกติ?
สภาพรถยนต์และพฤติกรรมการขับขี่ที่แตกต่างกันไปก็ ทำให้ยางที่ใช้ในรถยนต์คันเดียวกันแต่ละเส้นมีโอกาสสึกหรอไม่เหมือนกันและอาจทำให้สึกได้ในอัตราที่แตกต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น ยางสมรรถนะสูงหรือยางสปอร์ต ที่ใช้สำหรับรถที่มีการขับขี่แบบสปอร์ต ยางรถยนต์อาจเสื่อมสภาพหรือสึกเร็วกว่ายางนุ่มเงียบที่ใช้สำหรับรถครอบครัวที่ไม่ได้มีการขับขี่แบบโลดโผนก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม อาจมีหลายปัจจัยที่ทำให้ยางสึกเร็วกว่าที่คาด หรือ การสึกหรอของยางแบบไม่เสมอกันซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงและการสั่นเต้นขณะขับขี่ โดย 2 สาเหตุหลักของการสึกหรอแบบสึกผิดปกติที่พบเห็นบ่อย ๆ คือ ความดันลมยางที่ไม่เหมาะสม และ สภาพศูนย์ล้อที่ผิดปกติ
1. ความดันลมยางที่ไม่เหมาะสม
เมื่อเติมลมยางหรือลมยางไนโตรเจนด้วยความดันที่ไม่เหมาะสมก็มีโอกาสสูงที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพและเริ่มสึกเร็วขึ้น หรือ เกิดการสึกหรอที่ไม่เสมอกัน โดยปกติผู้ผลิตรถยนต์จะระบุความดันลมยางสำหรับล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งนอกจากจะคำนึงถึงความนุ่มนวล, การควบคุมรถ และการประหยัดน้ำมันแล้วพวกเขายังคำนึงถึงการสึกหรอของยางด้วย ความดันลมยางที่เหมาะสมจะช่วยในการกระจายน้ำหนัก, การเร่ง, การเบรก และ เพิ่มแรงยึดเกาะในการเข้าโค้งบนหน้ายางอย่างเหมาะสม ถ้าความดันลมยางต่ำหรือสูงเกินไปขณะขับขี่ พื้นที่สัมผัสของหน้ายางจะไม่อยู่ในสภาพที่ไม่หมาะสม อย่างที่มันควรจะเป็น อาจทำให้หน้ายางเสื่อมสภาพได้ง่ายและอาจสึกเร็วขึ้น หรือ สึกไม่เสมอกัน
โดยวิธีป้องกันยางรถยนต์เสื่อมสภาพและสึกหรอ แนะนำให้หมั่นตรวจเช็คลมยางทุกเส้นและยางอะไหล่เป็นประจำทุก ๆ เดือน และควรตรวจเช็คลมยางทุกครั้งก่อนเดินทางไกลหรือก่อนบรรทุกของหนัก คุณสามารถตรวจเช็คค่าความดันลมยางที่เหมาะสมกับรถของคุณได้จากแผ่นป้าย, สติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณประตูฝั่งคนขับ หรือสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือการใช้รถในส่วนของลมยางที่เหมาะสม
2. ศูนย์ล้อที่ผิดไปจากมาตรฐาน
มุมล้อ หรือเรียกอีกอย่างว่าศูนย์ล้อ คือการปรับตั้งค่าองศาของพวงมาลัย และอุปกรณ์ช่วงล่าง ซึ่งหมายถึงระบบที่เชื่อมต่อและควบคุมการเคลื่อนไหวของล้อรถ ซึ่งไม่ใช่การปรับแต่งโดยตรงที่ยางหรือกระทะล้อ การตั้งค่าช่วงล่างและศูนย์ล้อที่ดีนั้น จะต้องตั้งมุมต่าง ๆ ของยาง เช่น มุมแคมเบอร์ มุมโท และมุมแคสเตอร์ เพื่อให้ยางสัมผัสกับพื้นถนนตามมาตรฐานสเปคที่โรงงานผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้
ค่าศูนย์ล้อที่ไม่เหมาะสมนั้นจะส่งผลทำให้ยางเสื่อมสภาพและเกิดการสึกหรอที่ผิดปกติ จนทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลง ส่วนใหญ่การสึกหรอที่ผิดปกติมักพบได้ทั่วไปจากการตั้งค่าศูนย์ล้อที่ไม่เหมาะสม มีดังต่อไปนี้
การสึกแบบฟันเลื่อย:
จะเกิดขึ้นได้เมื่อด้านใดด้านหนึ่งของบล๊อคดอกยางสึกเร็วกว่าอีกด้านหนึ่ง โดยจะพบได้ตลอดทั้งเส้นรอบวงยาง เมื่อใช้มือลูบผ่านหน้ายาง จะรู้สึกสะดุดเหมือนฟันเลื่อย การสึกแบบนี้พบได้ทั่วไปบริเวณไหล่ยาง โดยส่วนมากเกิดจากมุมโทที่ไม่เหมาะสม (บวกมากเกินไปหรือลบมากเกินไป)
การสึกแบบขนนก:
การสึกแบบนี้เกิดจากเมื่อยางด้านใดด้านหนึ่งสึกน้อยกว่า/เรียบกว่า แต่อีกด้านหนึ่งมีการสึกที่ มากกว่า/คมกว่า ทำให้มีลักษณะการสึกหรอของหน้ายางที่คล้ายกับขนนก ซึ่งมักจะเกิดจากความผิดปกติของศูนย์ล้อหลายแบบร่วมกัน เช่น มุมโทและมุมแคสเตอร์ที่มากเกินไป
การสึกที่ไหล่ยางด้านเดียว
ลักษณะการสึกผิดปกติแบบนี้หมายถึงการที่ไหล่ยางด้านนอกหรือด้านใน ด้านใดด้านหนึ่ง สึกเร็วกว่าอีกด้านหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด เรียกอีกอย่างว่าการสึกแบบแคมเบอร์ เกิดจากการตั้งค่ามุมแคมเบอร์ที่ไม่เหมาะสม (บวกหรือลบมากเกินไป)
การดูแลรักษายางรถยนต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอโดยการตรวจเช็คลมยางเป็นประจำทุกเดือนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคุณตรวจพบลักษณะการสึกแบบผิดปกติของยางหรือยางเสื่อมสภาพจนเริ่มรู้สึกในเวลาขับขี่ได้ว่าไม่เหมือนเดิม ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการหรือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและแก้ไขศูนย์ล้อโดยทันที
-
Summer Tires vs. All Season Tires
Summer Tires vs. All Season Tires
When choosing between summer and all season tires, it helps to understand the benefits and limitations of each. Which one is right for your vehicle?
Learn More -
วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุและปีที่ผลิตยาง ควรดูตรงไหน?
วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุและปีที่ผลิตยาง ควรดูตรงไหน?
คุณอาจจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นความดันลมยาง ความลึกร่องดอกยางหรือแม้แต่ประเภทของยาง แต่รู้ไหมว่าเราสามารถบอกอายุของยางรถยนต์ได้แบบง่าย ๆ ด้วยนะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม -
ลายดอกยางรถรูปแบบต่าง ๆ ที่คุณต้องรู้
ลายดอกยางรถรูปแบบต่าง ๆ ที่คุณต้องรู้
ลวดลายของดอกยางที่ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นแค่ลายที่อยู่บนพื้นผิวยาง แต่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกวันนี้ การออกแบบและผลิตยางแต่ละเส้นนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งไม่ได้เป็นยางธรรมดา ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม