เคล็ดลับ 5 ประการ เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากยางรถยนต์สูงสุด
ความรู้เรื่องยาง | คุยกันเรื่องยาง
วิธีเช็กสภาพและเติมลมยางรถเก๋ง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของยางรถยนต์
ระยะทางที่มากขึ้นเพื่อให้คุณประหยัดได้มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อยางและเติมลมยางรถเก๋ง การเติมน้ำมัน เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไปจนถึงการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ เราทุกคนใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยสำหรับรถคันเก่ง ขอแนะนำเคล็ดลับ 5 ประการ เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากยางรถยนต์ได้สูงสุด

1. เติมลมยางรถเก๋งที่เหมาะสม
แรงดันลมยางส่งผลโดยตรงต่ออายุของยางรถยนต์ การเติมลมยางหรือลมยางไนโตรเจนในรถเก๋งและรถทุกประเภทที่ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถใช้งานยางรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การเติมลมยางที่มากไปหรือน้อยไป จะส่งผลให้ยางรถยนต์สึกหรอเร็วขึ้น ส่งผลถึงประสิทธิภาพในการควบคุมรถรวมทั้งสิ้นเปลืองน้ำมัน แต่ทั้งนี้หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าแล้วรถเก๋งควรเติมลมยางเท่าไร หรือรถประเภทอื่น ๆ จะต้องเติมลมยางเท่าไรถึงจะเหมาะสม บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้มีการแนะนำปริมาณลมยางที่เหมาะสมโดยสามารถดูได้ที่ขอบประตูฝั่งคนขับหรือคู่มือประจำรถยนต์ และอย่าลืมตรวจสอบความดันลมยาง ในขณะที่ยางมีอุณหภูมิเย็น ซึ่งหมายความว่าก่อนเติมลมยางรถเก๋งนั้นรถต้องจอดแล้วอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
2. ตั้งศูนย์ถ่วงล้อได้ระนาบที่ถูกต้อง
ถ้ารถของคุณมีศูนย์ถ่วงล้อที่ผิดเพี้ยนไป จะทำให้ยางสึกหรอไม่เท่ากัน ทำให้ต้องเปลี่ยนยางเร็วขึ้น ยิ่งกว่านั้นรถยนต์ที่มีศูนย์ถ่วงล้อที่ผิดเพี้ยน ยังบ่งบอกถึงปัญหาด้านอื่นๆ ซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพของยางโดยตรง
3. สลับตำแหน่งยางสม่ำเสมอ
ถึงแม้คุณจะมีการดูแลรักษายางหรือเติมลมยางรถเก๋งทุกเส้นให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอแล้ว แต่การใช้งานรถในสภาพถนนที่แตกต่างกันไปย่อมทำให้ยางมีการสึกหรอ อีกทั้งแรงกดต่อยางแต่ละเส้นนั้นไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรถ ซึ่งนำไปสู่การสึกหรอของยางที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นวิธีการดูแลรักษายางที่บริษัทผลิตรถยนต์แนะนำคือการสลับยางอย่างสม่ำเสมอ (แนะนำโดยบริษัทผลิตรถยนต์ที่ทุกๆ 8,000 ถึง 10,000 กิโลเมตร) นำไปสู่การสึกหรอแบบสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้ยางสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. ตรวจสอบความสมดุล
ยางและวงล้อที่ไร้สมดุลนำไปสู่อาการสั่นและการสึกหรอไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลให้การเดินทางของคุณขาดความนุ่มนวล และนำไปสู่การเปลี่ยนยางใหม่เร็วขึ้น ดังนั้นควรหมั่นเช็กสภาพวงล้อและเติมลมยางรถเก๋งให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและเช็กอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการใช้งานยางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
5. ความต้านทานต่อการหมุนต่ำ
แรงต้านทานต่อการหมุนมีค่าเท่ากับพลังงานที่ต้องใช้ในการทำให้ยางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแรงต้านทานในการหมุนจึงมีผลกระทบโดยตรงต่ออัตราการประหยัดน้ำมัน ซึ่งการเลือกยางที่มีแรงต้านทานในการหมุนที่ต่ำจะสามารถช่วยคุณได้ เลือกยางประหยัดน้ำมัน ในกลุ่มยาง ECOPIA ช่วยลดพลังงานที่สูญเสียไปโดยเพิ่มระยะทางได้ถึง 11 กม. ต่อน้ำมันหนึ่งถัง
*ทดสอบโดยสถาบัน TUV Rheinland (ประเทศมาเลเซีย) ด้วยวิธี Chassis Dynamo Test (UNECE-R38 UNECE-R101)
รถยนต์ที่ใช้ โตโยต้า แคมรี่ รุ่น 2.0 G ขนาดยาง 215/60R16
แรงดันลมยาง : 230 kpa (เทียบเท่า 33ps)
ผลการทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ในพื้นที่ในเมือง
ผลของการทดสอบอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับการดูแลยางรถยนต์, สภาพรถ, วิธีการขับขี่ และข้อจำกัดในเงื่อนไขอื่นๆ
-
Summer Tires vs. All Season Tires
Summer Tires vs. All Season Tires
When choosing between summer and all season tires, it helps to understand the benefits and limitations of each. Which one is right for your vehicle?
Learn More -
วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุและปีที่ผลิตยาง ควรดูตรงไหน?
วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุและปีที่ผลิตยาง ควรดูตรงไหน?
คุณอาจจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นความดันลมยาง ความลึกร่องดอกยางหรือแม้แต่ประเภทของยาง แต่รู้ไหมว่าเราสามารถบอกอายุของยางรถยนต์ได้แบบง่าย ๆ ด้วยนะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม -
ลายดอกยางรถรูปแบบต่าง ๆ ที่คุณต้องรู้
ลายดอกยางรถรูปแบบต่าง ๆ ที่คุณต้องรู้
ลวดลายของดอกยางที่ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นแค่ลายที่อยู่บนพื้นผิวยาง แต่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกวันนี้ การออกแบบและผลิตยางแต่ละเส้นนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งไม่ได้เป็นยางธรรมดา ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม