รถยางแบน ยางรั่ว ต้องเปลี่ยนล้อรถและยางอะไหล่อย่างไร
Bridgestone Tire Clinic | ความรู้ทั่วไปสำหรับผู้ใช้รถยนต์
ผู้ขับขี่รถทุกคนจำเป็นต้องมีทักษะความรู้การเปลี่ยนยางเอาไว้ด้วย ไม่มีใครรู้ว่ารถจะยางแบนตอนไหน ดังนั้นอย่าคิดว่าหากเกิดเหตุค่อยหาข้อมูลจากมือถือเอาก็ได้ เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะลืมมือถือไว้ที่บ้าน แบตหมด ต่อเน็ตไม่ได้ ถึงตอนนั้นแม้มีมือถืออยู่ก็อาจช่วยอะไรไม่ได้เลย
ยังดีที่การเปลี่ยนล้อรถหรือยางรถไม่ใช่เรื่องยากนัก ถ้าคุณเจอสถานการณ์รถยางแบน ให้ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนยางแบน
คุณควรมีอุปกรณ์ต่อไปนี้ติดรถไว้เสมอ
· แม่แรงยกรถ (Jack)
· ประแจถอดล้อ (Wrench)
· ยางอะไหล่เติมลมพร้อมใช้ (Spare tire)
· คู่มือรถ (Vehicle owner’s manual)
หากคุณขาดสิ่งเหล่านี้ชิ้นใดชิ้นหนึ่งไปหรือไม่ได้พกมาด้วย คุณควรจะซื้อใหม่ในทันที คุณควรตรวจสอบความดันลมของยาง และเติมยางตามค่า PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ตามที่โรงงานผลิตรถยนต์กำหนดมาเป็นประจำ โดยทุกครั้งที่ตรวจสอบยางรถยนต์ก็ให้ตรวจสอบยางอะไหล่ด้วยเสมอ ที่สำคัญอย่าลืมเช็กลมยางทุกเดือน เช็กรถก่อนเดินทางไกล หรือเมื่อต้องบรรทุกน้ำหนักมากกว่าปกติ
อุปกรณ์เสริมสำหรับช่วยการเปลี่ยนล้อรถ
อุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนล้อรถยนต์ดังต่อไปนี้ไม่ได้มาพร้อมตอนซื้อรถ แต่ขอแนะนำให้คุณหาซื้อและเก็บไว้ท้ายรถหรือในกล่องเก็บของ สำรองไว้ในกรณีที่หากเกิดปัญหารถยางแบนหรือรถยางรั่วขึ้นจริง คุณก็มีอุปกรณ์พร้อมไว้สำหรับช่วยเปลี่ยนล้อรถหรือยางอะไหล่ในทุกสภาพอากาศและทุกเวลา
· ไฟฉายพร้อมถ่าน (Flashlight with batteries)
· เสื้อกันฝน (Rain Poncho)
· ไม้ชิ้นเล็กขนาด 2 x 6 นิ้ว เพื่อยึดแม่แรง (Small cut wood)
· ถุงมือ (Gloves)
· หมอนรองล้อ (Wheel wedges)
วิธีเปลี่ยนยางรถแบน
1. หาสถานที่ปลอดภัยก่อน
ทันทีที่คุณรู้ว่ารถยางแบน อย่าเบรกหรือเลี้ยวกะทันหัน ลดความเร็วลงอย่างช้า ๆ และมองไปรอบ ๆ เพื่อหาพื้นถนนที่เป็นทางตรง มีไหล่ทางกว้าง เป็นระดับเรียบ ไม่ลาดชัน ถ้าเป็นลานจอดรถได้ยิ่งดี พื้นที่ราบเรียบจะช่วยป้องกันไม่ให้รถไหล นอกจากนี้ถนนที่เป็นทางตรงดีกว่าทางโค้ง เนื่องจากรถที่สัญจรไปมาจะเห็นคุณได้ง่ายกว่า
อย่าพยายามเปลี่ยนยางบริเวณไหล่ทางที่แคบใกล้กับทางที่รถสัญจรไปมา ขับรถต่อไปช้า ๆ เพื่อหาพื้นที่ที่ปลอดภัยและสะดวกต่อการเปลี่ยนล้อรถหรือยางอะไหล่มากกว่า แม้การขับรถขณะที่รถยางแบนจะก่อให้เกิดความเสียหายกับขอบล้อของคุณได้ แต่ถ้าต้องเปลี่ยนขอบล้อใหม่ก็ยังดีกว่าการโดนรถคันอื่นที่ไม่ระวังมาชนเราซ้ำซ้อน
ให้คุณนำคู่มือรถออกมาเปิดดูวิธีการเปลี่ยนล้อรถในกรณีที่ยางรั่วหรือยางแบน อาจมีบางขั้นตอนพิเศษนอกเหนือไปจากคำแนะนำทั่วไปของเรา ก็ให้ทำตามคู่มือรถเป็นสำคัญ
2. เปิดไฟฉุกเฉิน
การจอดรถเพื่อเปลี่ยนล้อหรือยางอะไหล่นั้นคุณควรเปิดไฟฉุกเฉินหรือไฟกระพริบเสมอ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รถคนอื่น ๆ เห็นคุณได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณอยู่ข้างทาง นอกจากนี้แนะนำให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเมื่อคุณต้องการจอดรถหลบเข้าข้างทางเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตามมา
3. ดึงเบรกมือ
เมื่อจอดรถเข้าที่แล้ว ให้ดึงเบรกมือ เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล ก่อนจะเริ่มลงมือเปลี่ยนยาง
4. ใช้หมอนรองล้อ
วางหมอนรองล้อเพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหมุนในขณะที่คุณกำลังเปลี่ยนยางอยู่ หากจะเปลี่ยนล้อหลังให้วางหมอนรองล้อที่ด้านหน้าของล้อหน้า แต่ถ้าเปลี่ยนล้อหน้าให้วางหมอนรองล้อไว้ด้านหลังของล้อหลัง
สามารถใช้อิฐหรือหินขนาดใหญ่แทนก็ได้ แต่ต้องดูดี ๆ ว่าใหญ่พอที่จะป้องกันรถไหลได้หรือไม่
5. แกะฝาครอบน็อตล้อหรือฝาครอบกระทะล้อออก
ขั้นตอนนี้ไม่ยากมาก เพียงถอดฝาครอบกระทะล้อออก รวมถึงฝาปิดน็อตล้อด้วย (ถ้ามี) แต่ถ้าเป็นแบบไม่มีฝาครอบใด ๆ ไว้ และมองเห็นน็อตล้ออยู่แล้ว ก็สามารถข้ามไปทำขั้นตอนที่ 6 ได้เลย
ใช้ประแจด้านแบนเพื่องัดฝาครอบออก ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้กับรถส่วนใหญ่ แต่ฝาครอบบางแบบก็ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่เหมาะสม ให้ดูรายละเอียดและขั้นตอนจากคู่มือประจำรถของคุณ
6. ขันน็อตล้อ
ต้องออกแรงกันหน่อยในขั้นตอนนี้ ใช้ประแจสำหรับถอดน็อตล้อ แล้วขันออกแบบทวนเข็มนาฬิกา ใช้เท้าและทิ้งน้ำหนักตัวเพื่อช่วยในการคลายน็อตล้อให้หลวม
อย่าเพิ่งถอดออกมาทั้งหมดทุกตัว ให้คลายน็อตล้อเพียงครึ่งรอบ หรือ 1 ใน 4 ของรอบก็พอ รอไว้จนกว่าจะถึงขั้นตอนการถอดล้อยางออกมา ก็ค่อยถอดน็อตล้อออกมาในตอนนั้น
7. วางแม่แรงใต้รถ
ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการวางแม่แรงจะอยู่ใต้โครงรถ ใกล้ ๆ กับตำแหน่งล้อ โครงใต้รถส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกขึ้นรูป แต่จะมีส่วนที่เป็นแผ่นโลหะติดเอาไว้ นั่นคือจุดสำหรับการยกด้วยแม่แรงนั่นเอง ให้ศึกษาจากคู่มือรถเกี่ยวกับตำแหน่งการวางแม่แรงที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันรถยนต์เสียหาย
8. ยกรถขึ้นด้วยแม่แรง
ก่อนจะยกรถเพื่อเริ่มทำการเปลี่ยนล้อรถยนต์ ให้นำไม้ขนาดเล็ก (2 x 6 นิ้ว) วางไว้ใต้แม่แรงก่อน เพื่อกันเลื่อนและไม่ให้เสียสมดุล หากพื้นถนนเป็นยางมะตอย เทคนิคนี้จะยิ่งได้ผล
หลังจากวางแม่แรงในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ให้ยกรถขึ้นจนกว่ายางที่แบนจะสูงจากพื้น 6 นิ้ว
ระวังอย่าให้ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งไปอยู่ใต้รถระหว่างยกรถหรือหลังจากยกรถขึ้นแล้ว
9. ถอดน็อตล้อออก
ตอนนี้ถึงขั้นตอนถอดน็อตล้อออกมาแล้ว เนื่องจากคุณได้คลายให้หลวมไว้แล้ว (ในขั้นตอนที่ 6) ตอนนี้ก็สามารถใช้มือเปล่าหมุนน็อตออกได้เลย
10. ถอดยางที่แบนออก
จับล้อยางแล้วค่อย ๆ ดึงเข้าหาตัวจนล้อหลุดออกจากดุมล้อ แล้ววางลงระนาบกับพื้น เพื่อไม่ให้กลิ้งไปไหน
11. นำยางอะไหล่ใส่เข้ากับดุมล้อ
นำยางอะไหล่ใส่เข้าไปให้ตรงกับตำแหน่งของดุมล้อ ดันเบา ๆ จนกระทั่งเห็นสลักเกลียวโผล่พ้นออกมา
12. ใส่น็อตล้อด้วยมือ
ใส่น็อตล้อเข้ากับสลักเกลียวและขันให้แน่นด้วยแรงมือ หลังจากใส่เสร็จแล้วให้เช็กแต่ละน็อตอีกครั้งว่าแน่นหรือไม่ พยายามให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยหลังจากปล่อยรถลงกับพื้นแล้วจะต้องใช้ประแจขันน็อตแต่ละตัวให้แน่นหนาอีกครั้ง
13. ปล่อยรถลงกับพื้น และขันน็อตล้ออีกครั้งให้แน่น
ปรับแม่แรงเพื่อลดระดับของรถยนต์ลง จนกระทั่งยางอะไหล่แตะกับพื้น ซึ่งขั้นตอนนี้น้ำหนักของรถทั้งหมดจะยังไม่ได้ถ่ายลงสู่ยางแบบเต็มที่ ต่อจากนี้ให้ใช้ประแจขันน็อตแต่ละจุดให้แน่นหนาโดยขันในทิศทางตามเข็มนาฬิกา พร้อมใช้น้ำหนักตัวเราเองช่วยในการขันน็อตให้แน่น
14. ลดระดับรถลงกับพื้น
ปล่อยรถลงสู่พื้น แล้วถอนแม่แรงออก ใช้ประแจทดสอบดึง ๆ ดูที่น็อตล้ออีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าน็อตถูกขันได้แน่นหนาที่สุดแล้ว
15. ใส่ฝาครอบล้อ
ถ้าฝาครอบล้อที่ถอดมาทีแรกสามารถใส่ได้พอดีกับล้อยางอะไหล่ ก็ติดตั้งให้เข้าที่ตามแบบเดียวกับที่ถอดออกมา แต่ถ้าขนาดไม่พอดีกัน ก็เอาไปเก็บไว้
16. เก็บอุปกรณ์ทั้งหมด
เก็บแม่แรง ประแจ หมอนรองล้อรถ ล้อยางที่แบนและฝาครอบล้อ นำเก็บขึ้นรถให้เรียบร้อย
17. ตรวจสอบความดันลมยางของยางอะไหล่
ตรวจสอบค่าความดันลมยางของยางอะไหล่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ตามปกติค่าความดันลมยางที่แนะนำสำหรับยางอะไหล่จะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ซึ่งสามารถดูค่าความดันลมยางที่แนะนำได้จากคู่มือประจำรถ หรือขอบประตูฝั่งคนขับ หากพบว่าหลังจากเปลี่ยนล้อแล้วยังรู้สึกว่ารถยางแบนหรือมีความดันลมยางอ่อนไป ก็ให้ขับช้า ๆ ไปยังร้านยางหรือศูนย์บริการ ทั้งนี้ค่าความดันลมยางของรถแต่ละรุ่นนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้น ให้ดูค่าตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถของคุณ
18. นำยางที่แบนไปให้ช่างดู
ยางอะไหล่ชั่วคราวไม่ได้ถูกผลิตมาเพื่อการขับขี่ระยะไกลหรือด้วยความเร็วสูง ดังนั้นคุณควรขับรถด้วยความระมัดระวังจนกว่าจะถึงมือช่าง ผู้เชี่ยวชาญจะบอกได้ว่ายางเส้นนั้นสมควรซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่
ขั้นตอนการเปลี่ยนล้อรถหรือยางอะไหล่ใช้เวลานานไหม?
หากไม่ได้ไปที่ร้านยาง การเปลี่ยนยางเองไม่ควรใช้เวลาเกิน 15-30 นาที อย่าลืมทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำข้างบนล่ะ
จะดีมากหากคุณฝึกเปลี่ยนยางในที่จอดรถหรือบนถนนเอาไว้บ้าง เพราะหากเจอสถานการณ์ยางแบนเมื่อไหร่ ก็รับมือได้สบาย
เกร็ดความรู้ประกอบการเปลี่ยนล้อและยางรถยนต์
จะดีมากหากเรารู้วิธีแก้ไขปัญหารถยางแบน ยาวรั่วไว้ก่อน แต่ทั้งนี้การดูแลรักษายางอย่างสม่ำเสมอก็สำคัญยิ่งกว่า นอกจากหมั่นทบทวนเทคนิคที่แนะนำไว้ข้างต้นแล้ว ก็มีเกร็ดน่ารู้อีก ดังนี้
· ตรวจวัดค่าความดันลมยางให้มีค่าที่เหมาะสมอยู่เสมอ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ความดันลมยาง
· สลับยางตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต หรือทุก 10,000 กม. สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สลับยาง-ถ่วงล้อ
· หมั่นตรวจสอบการสึกหรอของดอกยาง สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพได้ที่ สาเหตุดอกยางสึกหรอ
คำแนะนำนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถ และลดโอกาสทำให้เกิดปัญหารถยางแบนได้ แม้จะไม่มีวิธีที่สมบูรณ์แบบในการป้องกันรถยางแบน แต่การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรักษาสภาพยางให้ดีตลอดอายุการใช้งาน
หากสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดูแลยางของคุณหรือเคล็ดลับที่มีประโยชน์ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คุยเรื่องยาง และ คลินิกยาง
-
Brake Pad Materials: What’s the Difference?
Brake Pad Materials: What’s the Difference?
Organic, Ceramic or Metallic? Different vehicles and driving styles call for different brake pad materials. What material best suits your needs?
Click to Learn More -
Ultimate Car Maintenance Checklist
Ultimate Car Maintenance Checklist
Caring for your car and keeping it in proper running order takes just a little bit of effort. To maximise the life and performance of your vehicle, here is a list of items you should check depending on the time and season.
Click to Learn More -
Winter Driving Safety Tips
Winter Driving Safety Tips
As the weather turns cold, are you prepared to face the hazards of winter driving? Brush up on your winter driving skills each year and remember these easy winter driving tips.
Learn More